dune 2021 poster

dune 2021 poster

dune 2021 poster รีวิว Dune (2021) ดูน ชนิดหนัง : แอคชั่น , ไซไฟผู้กำกับ : เดอนีส์ วิลเนิฟผู้แสดงนำฝ่าย : ทิโมธี ชาลาเมต์, ออสการ์ ไอแซค, หน้าจอช โบรลิน, สเตลแลน สการ์สการ์ด, เดฟ บาทิสต้า, สตีเฟ่น แมคคินลีย์ เฮนเดอร์สัน, เซนดายาระบุฉาย 30 ก.ย. 2021 หนทางรับดู : HBO Max

dune 2021 poster

เรื่องย่อ

ไม่ว่าคุณจะเชื่ออะไร โลกกำลังเปลี่ยน และก็เราจะต้องปรับนิสัย พอล อาทรีเดส ผู้สืบสกุลอัจฉริยะผู้ครอบครองความสามารถพิเศษอันล้ำค่า ผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ที่เกินกว่าใครๆจะหยั่งถึง เขาจำเป็นต้องเดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่อันตรายที่สุดในจักรวาลเพื่อคุ้มครองป้องกันอนาคตของครอบครัว แล้วก็ผู้คนจากการเช็ดกรุกรานโดยกองทัพเลวร้าย ที่สร้างการขัดกันไปทั่วทุกที่ทุกแห่งหน ด้วยเหตุว่าต้องการแก่งแย่งทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดที่เคยมีมา ซึ่งก็คือเครื่องเทศที่มีสรรพคุณดีเลิศ สามารถปลดล็อกจิตใจดึงพลังปกปิดในตัวมนุษยชาติออกมาได้

แม้กระนั้นศึกครั้งนี้มีเพียงแค่ผู้เอาชนะความหวาดกลัวเพียงแค่นั้นที่อยู่รอดประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่มีต่อ dune2021 poster ในฉบับของผู้กำกับเดวิด ลินช์ (David Lynch) อาจหนีไม่พ้นคำว่าเหวอแตกแล้วก็ง่วง ! แม้ว่าจะเห็นด้วยว่าหนังฉบับปี 1984 ที่ประเทศไทยอุตส่าห์ตั้งชื่อว่า ‘สนามรบจ้าวจักรวาล’ จะมีความทะยานอยากและก็งานโปรดักชันที่ดูไม่ไม่สวยเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการสร้างที่ยังไม่ก้าวหน้าเท่าเวลานี้

จนถึงส่วนตัวเองก็เชื่อไปแล้วว่านิยายหัวข้อนี้ของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) คงไม่ใช่ของง่ายและก็น่าจะเป็นยาขมไม่น้อยสำหรับคนไหนที่คิดจะถือมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แม้กระนั้นและมีคนลองดีจนได้ และก็การตลาดก็ปั้นหน้าหนังซะแปลงเป็นไซไฟเผชิญภัยเกินหน้าความเซน (Zen) ของนิยายไปหลายช่วงตัวแต่ในเมื่อมีชื่อของ เดอนีส วิลล์เนิฟว์ (Denis Villeneuve)

ผู้กำกับชาวแคนาดาที่ฝีมือไม่ธรรมดาหยิบมาทำหนังอาจจะยากที่จะระงับใจไม่ให้ลองของกันอีกสักทีจุดกำเนิดเรื่องราวของ ‘Dune’ เป็น”สไปซ์”ทรัพยากรทรงคุณค่าแห่งดาวอาร์ความมัวหมองสที่เดิมจักรพรรดิ์พาดิชาห์เคยให้เครือญาติฮาร์คอนเนนปกครองแล้วก็ปฏิบัติภารกิจสกัดสไปซ์ส่งออกให้ผู้มีอิทธิพล แต่แล้ววันดีคืนดีจักรพรรดิ์ก็มอบหมายให้เครือญาติอเทรติส อันสูงศักดิ์ เดินทางไป ดูแลหัวเมืองอย่างอาร์ราคินสและก็ผลิตสไปซ์ป้อนเข้าศูนย์กลาง แม้กระนั้นตามที่เป็นจริงแล้วมันเป็นแผนของจักรพรรดิ์ที่อยากรวบอำนาจและกำจัดคู่แข่งด้านการเมืองอย่าง เลโท อเทความยินดีส (สวมบทบาทโดยออสการ์ ไอแซค Oscar Isaac)

รวมทั้งเหล่าฟรีเมนผู้ครอบครองทะเลทรายแห่งอาร์มลทินสให้สิ้นซากโดยความคาดหวังเดียวของดาวอาร์ราคีสฝากไว้ที่ พอล อเทรดีส (คราวโมธี ชาลาเมต์ Timothée Chalamet) บุตรของเลโทที่ถูกฝึกฝนให้ใช้วิชาแห่งเสียงจาก เจสสิกา อเทรติส (รีเบคกา เฟอร์กูสัน Rebecca Ferguson) สนมเอกของเลโทและแม่ของพอลที่สืบทอดลัทธิเกสเซอริต

สมาคมสตรีมีอานาจคอยชักใยความเป็นไปด้านการเมืองโดยอาศัยมนตร์ดำ และโดยปริยายที่พอลจะเปลี่ยนเป็นกลุ่มผู้ถูกเลือกที่ชาวฟรีเมนเชื่อมาตลอด แม้กระนั้นมหาศึกครั้งนี้ไม่่ง่ายและก็ยิ่งโหดหินเมื่อ บารอนวลาดิภรรยาร์ ฮาร์คอนเนน (สเตลลาน สการ์สการ์ด Stellan Skarsgard) รวมทั้งกองทัพจ้องมองขยี้กองทัพของอเทรติสและยึดอาร์ความมัวหมองสด้วยความอำมหิต

Owen Gleiberman จาก Rotten Tomatoes

“นี่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไซไฟแฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ มันเด่นมากมาย สำหรับในการสร้างโลก ที่ยอดเยี่ยม แม้กระนั้นยังไม่ใช่กับการเล่าเรื่อง โดยรวมแล้ว ‘Dune’ เป็นภาพยนตร์ระดับ 5 ดาว ในการสร้างโลกของภาพยนตร์ แต่ว่าได้ 2.5 ดาว สำหรับการเล่าเรื่อง”

Scott Collura จาก IGN

“ภาพยนตร์ใช้วิธีการสร้างที่ยอดเยี่ยม, งานภาพสุดแปลก, ทีมนักแสดงระดับยอดเยี่ยม และคอนเซปต์ไซไฟสุดล้ำลึก แม้กระนั้นโชคร้ายที่ครึ่งหลังของภาพยนตร์นั้นยืดเหลือเกิน” Richard Lawson จาก Vanity Fair “วีลเนิฟว์ คลาดโอกาสที่จะรีเซ็ตโลกของ ‘Dune’ ขึ้นมาใหม่จากเวอร์ชันที่ราวกับหายนะเมื่อปี 1984 ของ เดวิด ลินช์ (David Lynch) และก็ชื่นชมวรรณกรรมของ เฮอร์เบิร์ต อย่างสมสง่า ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากเนื้อหาเยอะมากที่ เฮอร์เบิร์ต เขียนไว้นั้นยากที่จะนำทั้งผองมาใส่ไว้ด้านในภาพยนตร์ โชคร้ายที่ dune 2021 poster ยังไม่ถึงระดับสุดยอดเสมือนที่ วีลเนิฟว์ เคยทำได้กับ ‘Arrival’”

หนังใหม่ รีวิวหนัง วิภาควิจารณ์หนัง Dune

เราก็ได้โอกาส เป็นกระจ่างต่อสายตากับหนึ่งในโปรแกรมหนึ่ง ฟอร์มใหญ่ ประจำปีนี้ ที่มีหลายๆคนรอคอย กับมหากาพย์ไซไฟ ที่นับมาปัดฝุ่นสร้างใหม่อีกทีใน “Dune” ที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพเริ่มแรกของ “แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต” ที่เคยถูกผลิตเป็นหนังมาแล้วในปี 1984 ที่ออกจะเป็นแถวหนังคัลท์ไซไฟไปสักนิดสักหน่อย กลับมาครั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยขึ้น ก็เลยทำให้งานสร้างต่างๆได้ถูกยกระดับก้าวหน้าขึ้นอีกเป็นกอง แล้วก็จัดว่ายิ่งใหญ่สมราคาคุยอยู่

Dune เล่าเรื่อง พอล อะเทรดิส

อัจฉริยะชายหนุ่ม ผู้มีพรสวรรค์ ที่เกิดมา พร้อมชะตา กรรมอันยิ่งใหญ่ เกินกว่าจะเข้าจิตใจ เขาจำเป็นต้องเดินทางไปยัง ดาวพระเคราะห์ที่อันตรายที่สุดในจักรวาลเพื่อความมีชีวิตรอดแล้วก็อนาคตของครอบครัวรวมทั้งผู้คนของเขา หลังถูกรุกรานโดยกองกำลังวายร้ายหน้าเลือดที่คาดหวังแย่งชิงทรัพยากรที่ล้ำค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งสามารถใช้ดึงศักยภาพที่หลบเร้นของมนุษยชาติออกมาได้ แล้วก็มีเพียงผู้ที่สามารถเอาชนะความหวาดกลัวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอดในศึกครั้งนี้หนังเรื่องนี้พวกเราอยากจะเริ่มต้นด้วยการให้แต้มเต็ม 10 เอาไว้ก่อน

โดยภายหลังจากนี้จะมาไล่เรียงและหักคะแนนกันไปทีละส่วนๆกันมองว่า Dune จะยังเพอร์เฟ็คเพียงพอกับการเป็นมหากาพย์หนังไซไฟเรื่องใหม่ให้กับ วอร์เนอร์ บราคุณร์ส ได้หรือเปล่า เริ่มจากงานสร้างที่จำต้องเอ่ยถึงเป็นลำดับแรก เนื่องจากงานโปรดักชั่นดีไซน์ในเรื่องนี้เป็นดีเยี่ยมที่สุดจริงๆหลายองค์ประกอบมองเห็นได้ถึงความตั้งใจในรายละเอียด

แม้ว่าจะเต็มไปด้วยวิธีพิเศษปะปนอยู่เต็มไปหมดก็ตามการออกแบบดาวดวงต่างๆ ตำแหน่งที่ตั้งของดาวแต่ละดวง ออกจะทำได้ดี เวลาที่องค์ประกอบฉากต่างๆในหนังกว่าปริมาณร้อยละ 80 เปิดเผยถึงความโหฬารตระการตาได้สมอำนาจ ผู้ชมจะต้องรู้สึกว้าวกับหลายรายละเอียดที่ผู้สร้างใส่เข้ามาอย่างบรรจง การจัดแสงแล้วก็ใช้โทนสีในหนังทำได้ค่อนข้างดี เหมือนกันกับการสื่อสารผ่านมุมกล้องและก็มุมภาพก็ทำได้น่าพึงพอใจ สร้างบรรยากาศโดยรวมมัดดวงใจผู้ชมได้อยู่ ถึงกับขนาดนี้ความแห้งของดาวอาร์ราคิส ยังมีผลให้รู้สึกหิวน้ำรวมทั้งคอแห้งได้เลย

“เดอนี วีลเนิฟว์”

ยังคงมอบประสบการณ์  การดูหนังแบบใหม่ๆ ให้กับผู้ชมได้อยู่ ตอนที่มุมมองของ “เกร็ก เฟรเซอร์” ผู้กำกับภาพในหนังหัวข้อนี้ ก็ถือว่าทำออกมาได้เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ องค์ประกอบส่วนนี้แทบไม่มีอะไรให้หักคะแนนเลย ทุกฉากและก็ทุกสถานที่ในหนังประเด็นนี้ ได้ทำการเซ็โคนอกมาอย่างดีเยี่ยม แม้ว่าบางครั้งอาจจะมองเป็นราวกับโรงลิเกไซไฟย่อมๆได้อยู่บ้างก็ตาม

แต่หลายๆส่วนทำเป็น ค่อนข้างจะถูกใจมาถึงฝั่ง ผู้แสดงใน dune 2021 poster ที่ขนมาเป็นกองกองทัพแล้วก็เล่นใหญ่เล่นคืนดีกันทุกคาแรกเตอร์จริงๆที่ไม่เอ่ยถึงอาจจะมิได้ก็คือ “ทิโมธี ชาลาเมต์” ที่เรื่องนี้เขาเป็นตัวละครที่แบกรับหนังใหญ่ๆ อีกทั้งเรื่องเอาไว้ด้วยสารีระหนุ่มร่างบาง ถึงกระนั้นเอาก็แบกมันเอาไว้ได้แบบตลอดรอดฝั่งอยู่ ทั้งอินเนอร์และก็พรสวรรค์ทางการแสดงของเขาถูกประยุกต์ใช้ในหนังหัวข้อนี้

นับว่าเป็นนักแสดงชายหนุ่มรุ่นใหม่ ที่ฝีมือจัดจ้านไม่ธรรมดาจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับซีนอารมณ์ที่จำเป็นต้องเล่นกับตนเอง ทำให้ผู้ชมขนลุกได้อยู่หมัดนักแสดงสมทบคนอื่นๆก็นับว่ามีบทบาทไม่น้อยหน้า เนื่องจากหนังก็สร้างมิติที่น่าสนใจให้กับพวกเขาเอาไว้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “รีเบ็กก้า ฟูเกอร์สัน” กับบทแม่ที่ออกจะน่าสนใจอยู่ไม่น้อย หรือจะเป็น “ออสการ์ ไอแซก”, “จอช โบรลิน”, “เจสัน โมโมอา”, “สเตลแลน สการ์สการ์ด” หรือ “เซนดายา”

ล้วนแต่ เป็นติดอยู่แรกเตอร์ที่มีความเฉพาะบุคคลในแบบตนเอง และก็บทได้สนับสนุน ความน่าค้นหา ให้กับนักแสดงของพวกเขา แต่เนื่องจาก Dune เป็นหนังที่ส่วนประกอบของผู้แสดงที่ค่อนข้างจะเยอะ ถึงแม้หนังจะกินเวลาไปเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แม้กระนั้น ก็อาจส่งผลให้คนดูจำตัวละครรองอื่นๆยังไม่ค่อยจะได้ ส่วนใดส่วนหนึ่งก็คงเป็นด้วยเหตุว่าคำศัพท์แล้วก็ชื่อเรียกต่างๆในหนังเป็นคำศัพท์ภาษานิยายไซไฟ ล้วนๆ ไหน จะชื่อเรียกของวัตถุนั้น บัญญัติศัพท์ของวัฒนธรรมนี้ แปลงเป็นคำแปลกประหลาดที่ทำให้ผู้ชมบางครั้งอาจจะยังเข้าไม่ถึงได้ เป็นจุดบกพร่องจุดหนึ่งในหนังที่จะต้องเสียคะแนนไปอย่างโชคร้าย
https://www.amitierencontre.com/